วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สื่อการสอนภาษาไทย เรื่องคำมูล คำประสม คำสมาส คำสนธิ คำซ้ำ คำซ้อน



สือการสอน คำมูล คำประสม คำสมาส คำสนธิ คำซ้ำ คำซ้อน





คำมูล
     คำมูล คือ คำ ๆ เดียวที่มิได้ประสมกับคำอื่น อาจมี ๑ พยางค์ หรือหลายพยางค์ก็ได้แต่
เมื่อแยกพยางค์แล้วแต่ละพยางค์ไม่มีความหมาย คำภาษาไทยที่ใช้มาแต่เดิมส่วนใหญ่ เป็นคำมูลที่มีพยางค์เดียวโดด ๆ เช่น พ่อ แม่ กิน เดิน

     ตัวอย่างแบบสร้างของคำมูล 
     คนมี ๑ พยางค์ คือ คน
     สิงโตมี ๒ พยางค์ คือ สิง + โต

คำประสม
     คือ คำที่สร้างขึ้นใหม่โดยนำคำมูลตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมาประสมกัน เกิดเป็นคำใหม่ขึ้นอีก
คำหนึ่ง
     ๑. เกิดความหมายใหม่
     ๒. ความหมายคงเดิม
     ๓. ความหมายให้กระชับขึ้น

ตัวอย่างแบบสร้างคำประสม 
     แม่ยายเกิดจากคำมูล ๒ คำ คือ แม่ + ยาย
     ลูกน้ำเกิดจากคำมูล ๒ คำ คือ ลูก + น้ำ
     ภาพยนตร์จีนเกิดจากคำมูล ๒ คำ คือ ภาพยนตร์ + จีน
    

คำสมาส
     คำสมาสเป็นวิธีสร้างคำในภาษาบาลีและสันสกฤต โดยนำคำตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมาประกอบ
กันคล้ายคำประสม แต่คำที่นำมาประกอบแบบคำสมาสนั้น นำมาประกอบหน้าศัพท์ การแปล
คำสมาสจึงแปลจากข้างหลังมาข้างหน้า เช่น
     บรม (ยิ่งใหญ่) + ครู=บรมครู (ครูผู้ยิ่งใหญ่)
     สุนทร (ไพเราะ) + พจน์ (คำพูด)=สุนทรพจน์ (คำพูดที่ไพเราะ)
     การนำคำมาสมาสกัน อาจเป็นคำบาลีสมาสกับบาลี สันสกฤตสมาสกับสันสกฤต หรือบาลี
สมาสกับสันสกฤตก็ได้
     ในบางครั้ง คำประสมที่เกิดจากคำไทยประสมกับคำบาลีหรือคำสันสกฤตบางคำ มีลักษณะ
คล้ายคำสมาสเพราะแปลจากข้างหลังมาข้างหน้า เช่น ราชวัง แปลว่า วังของพระราชา อาจจัด
ว่าเป็นคำสมาสได้ ส่วนคำประสมที่มีความหมายจากข้างหน้าไปข้างหลังและมิได้ทำให้ ความหมาย ผิดแผกแม้คำนั้นประสมกับคำบาลีหรือสันสกฤตก็ถือว่าเป็นคำประสม เช่น มูลค่า ทรัพย์สิน เป็นต้น

คำสนธิ
     การสนธิ คือ การเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกันตามหลักไวยกรณ์บาลีสันสกฤต เป็นการเชื่อม อักษรให้ต่อเนื่องกันเพื่อตัดอักษรให้น้อยลง ทำให้คำพูดสละสลวย นำไปใช้ประโยชน์ในการแต่ง
คำประพันธ์
     คำสนธิ เกิดจากการเชื่อมคำในภาษาบาลีและสันสกฤตเท่านั้น ถ้าคำที่นำมาเชื่อมกัน ไม่ใช่ภาษาบาลีสันสกฤต ไม่ถือว่าเป็นสนธิ เช่น กระยาหาร มาจากคำ กระยา + อาหาร ไม่ใช่สนธิ เพราะ กระยาเป็นคำไทยและถึงแม้ว่าคำที่นำมารวมกันแต่ไม่ได้เชื่อมกัน เป็นเพียงประสมคำเท่านั้น ก็ไม่ถือว่าสนธิ เช่น 
     ทิชาชาติมาจากทีชา + ชาติ
     ทัศนาจรมาจากทัศนา + จร
     วิทยาศาสตร์มาจากวิทยา + ศาสตร์


คำซ้ำ
     คำซ้ำ คือ การสร้างคำด้วยการนำคำที่มีเสียง และความหมายเหมือนกันมาซ้ำกัน เพื่อเปลี่ยน แปลงความหมายของคำนั้นให้แตกต่างไปหลายลักษณะ
     ๑. ความหมายคงเดิม คือ คำที่ซ้ำกันจะมีความหมายคงเดิม แต่อาจจะให้ความหมายอ่อนลง หรือไม่แน่ใจจะมีความหมายเท่ากับความหมายเดิม เช่น ตอนเย็น ๆ ค่อยมาใหม่นะ รู้สึกจะอยู่แถว ๆ นี้ละ คำว่า เย็น ๆ และ แถว ๆ ดูจะมีความหมาย อ่อนลง
     ๒. ความหมายเด่นขึ้น เฉพาะเจาะจงขึ้นกว่าความหมายเดิม เช่น สอนเท่าไหร่ ๆ 
ก็ไม่จำ พระเอกคนนี้ ล้อหล่อ เป็นต้น
     ๓. ความหมายแยกเป็นส่วน ๆ แยกจำนวน เช่น กรุณาแจกเป็นคน ๆ ไปนะ จ่ายเป็น
งวด ๆ (ทีละงวด) เป็นต้น
     ๔. ความหมายบอกจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น เด็ก ๆ ชอบวิ่ง เธอทำอะไร ๆ ก็ดูดีหมด เป็นต้น
     ๕. ความหมายผิดไปจากเดิม เช่น เรื่องหมู ๆ แบบนี้สบายมาก (เรื่องง่าย) รู้เพียงงู ๆ 
ปลา ๆ เท่านั้น (รู้ไม่จริง) เป็นต้น
คำซ้อน
     คำซ้อน คือ คำประสมชนิดหนึ่งที่เกิดจากการนำเอาคำตั้งแต่สองคำขึ้นไปซึ่งมีเสียง
ต่างกัน แต่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกันหรือเป็นไปในทำนองเดียวกันมาซ้อนคู่ กัน เช่น เล็กน้อย ใหญ่โต เป็นต้น ปกติคำที่นำมาซ้อนกันนั้น นอกจากจะมีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันแล้ว มักจะมีเสียงใกล้เคียงกันด้วย เพื่อให้ออกเสียงง่าย สะดวกปาก คำที่นำ มาซ้อนแล้วทำให้เกิดความหมายนั้นแบ่งเป็น ๒ ลักษณะ คือ
     ๑. ซ้อนคำแล้วมีความหมายคงเดิม คำซ้อนลักษณะนี้จะนำคำที่มีความหมายเหมือนกัน
มาซ้อนกัน เพื่อขยายความซึ่งกันและกัน เช่น ข้าทาส รูปร่าง ว่างเปล่า โง่เขลา เป็นต้น
     ๒. ซ้อนคำแล้วมีความหมายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม


ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/node/48311
http://netdao2415.blogspot.com/

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

เพลง


เชอร์รี่ ผลไม้เพิ่มความสุข


เชอร์รี่ ผลไม้เพิ่มความสุข

เชอร์รี่ ผลไม้เพิ่มความสุข


เชอร์รี่ ผลไม้เพิ่มความสุข

เชอร์รี่
………สาวๆ รู้หรือไม่ว่า เชอร์รี่ 
ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานซึ่งอุดมไปด้วย
วิตามินซีที่มีมากกว่าส้มถึง 
30-80 เท่านั้น นอกจาก
จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชะลอ
ความแก่ และช่วยต้านอนุมูล-
อิสระแล้ว 
เชอร์รี่ ยังมีคุณสมบัติ
ช่วยให้สาวๆ ทั้งหลายอารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย
……….จากผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการกินเชอร์รี่มากถึง 20 ผล
จะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้มากกว่าการกินยา เนื่องจากในผลเชอร์รี่มีสารที่ชื่อว่า แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) 
ซึ่งเป็นเม็ดสีใน เชอร์รี่ ทำให้ผลไม้ชนิดนี้มีสีสันสดใส และมีสรรพคุณที่สำคัญคือ ทำให้คนกินมีความสุข 
ด้วยเหตุนี้แพทย์ตะวันตกจึงเรียก เชอร์รี่ ว่าเป็น แอสไพรินธรรมชาติถ้าเวลาใดที่สาวๆ รู้สึกเครียดหรือเกิดอาการซึมเศร้าก็ลองเปลี่ยนจากการกินยารักษา มาใช้วิธีธรรมชาติบำบัดด้วยการกินเชอร์รี่นะคะ
เชอร์รี่ ผลไม้ ดีดี… วิตามินซี สูงงง
เชอร์รี่
              เชอร์รี่ เป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน สาวๆญี่ปุ่นจะนิยมทานกันสดๆ เพราะจะมีประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพอย่างมาก หรือเอามาทำเป็นเครื่องดื่มก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นสดใสให้กับคุณสาวๆได้ไม่น้อยเลย
ประโยชน์ดีดีที่ได้จาก เชอร์รี่
              เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูงงงงง….ที่สุดในบรรดาผลไม้ต่างๆ มีวิตามินซีสูงกว่าส้มประมาณ 30-80เท่า แล้วแต่พันธุ์ของเชอร์รี่ เชอร์รี่ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด คือ เชอร์รี่ กึ่งสุกกึ่งดิบ โดยสังเกตว่าเป็นช่วงที่มีสีเขียวปนส้ม วิตามินซีในเชอร์รี่จะช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ดูแลความงามผิวพรรณ ชะลอความแก่ ต้านอนุมูลอิสระ และต้านมะเร็ง

มะนาว สุดยอดตัวช่วย ลดน้ำหนัก


 มะนาว สุดยอดตัวช่วย ลดน้ำหนัก


มะนาว

เราเก็บเคล็ดลับดี ๆ จากคอลัมน์ The Lemon Juice Diet ของหนังสือ New Book ที่นักเขียนสาว เธเรซา เชียง ได้ให้คำแนะนำกับปัญหาโรคอ้วน ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการรับประทานมะนา
มะนาว ถูกกล่าวขานว่ามีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้อย่างดีที่สุด หากคุณทำตามกฎหลักทั้ง 3 ข้อนี้ คุณจะน้ำหนักลดลงได้ดั่งใจปรารถนา
1. ดื่มน้ำ มะนาว กับน้ำอุ่นทุก ๆ เช้า
เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาว เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มะนาว ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมาก ๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น
2. รับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 ชนิด
เพราะผักและผลไม้ทุกประเภท จะมีปริมาณแคลอรีที่น้อยมาก แต่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เส้นใย และสารอาหารที่ครบครัน จะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างสงบลง
3. ปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด
โดยการบีบน้ำ มะนาว ลงไปในมื้ออาหารทุกมื้อ หรือผสมเปลือก มะนาว ลงไปในซุปหรือสลัด และบีบมะนาวเพียงเล็กน้อยโปรยลงบนเนื้อปลา และเนื้อไก่ก่อนรับประทาน แล้วจะรู้ว่า มะนาว คือเส้นใยที่มหัศจรรย์ที่สุด เพราะ มะนา วจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย